Tuesday, 22 March 2022

รถเหล็ก Matchbox Superfast No.21C Renault 5TL


ผมพยายามจะนำรถเหล็กของ Matchbox รุ่น Superfast มาให้ดูทั้ง 75 หมายเลขนะครับ เพื่อเป็น reference สำหรับนักสะสมรถรุ่นนี้ คันนี้เป็นรถเหล็ก Matchbox Superfast No.21C  Renault 5TL ผลิตในอังกฤษ โดย Lesney Co,Ltd. เมื่อปี 1978 ความยาว 6.8 ซม.  

รถเหล็ก 21c สีขาว-เขียว สไตล์รถแข่ง หมายเลข 4 ใต้ท้องโลหะสีดำ ประตูท้ายเปิด-ปิดได้ กระจกใส ภายในสีน้ำตาลอ่อน กันชน และกระจังหน้าโลหะ มีขอลากด้านท้าย https://shp.ee/5wuzj2b



Matchbox Superfast No.63B Freeway Gas Tanker



รถบรรทุกน้ำมันคันนี้เป็น รถเหล็ก Matchbox Superfast No.63B Freeway Gas Tanker ผลิตในอังกฤษ ปี 1973 ความยาว 7.9 ซม. หัวลากสีส้มแดง ถังน้ำมันโลหะสีขาว กระจกสีม่วง ใต้ท้องสีดำ สติกเกอร์ BURMAH เจอก็เก็บๆ ไว้กันนะครับ Matchbox ทำในอังกฤษนับวันจะหายาก เพราะเลิกผลิตไปแล้ว เป็นแบรนด์ที่เขาสะสมกันทั่วโลก ราคานับวันก็จะสูงขึ้น

Friday, 18 March 2022

รถเหล็กของเล่นหรือรถเหล็กโมเดล

คุณแยกออกไหมว่ารถเหล็กคันไหนเป็นของเล่น หรือคันไหนเป็นโมเดล

เรามาลองแยกประเภทกันดีไหม?

จะได้รู้กันว่าใครสะสมของเล่น หรือรถโมเดล หรือใครสะสมทั้งสองอย่าง

พวกสะสมรถโมเดลก็มักจะบอกว่า เฮ้ย! นั่นมันของเล่น (ดูถูก

กลายๆ)

         พวกสะสมรถของเล่นก็มักจะบอกว่า มันมีรายละเอียดมากเกินไป ไม่มีอารมณ์ ไม่มีลูกเล่น (ไม่ได้หมายความว่า ลูกเอาไปเล่น)

         ในบทความนี้จะเรียกรถทั้งสองชนิดอย่างกลางๆว่า รถจำลอง

         สมัยก่อนไม่ต้องย้อนไปไกลครับ เอาสักประมาณ 50 ปีก็แล้วกัน หากเราต้องการซื้อของเล่น เราก็จะไปซื้อที่ร้านขายของเล่น และในขณะเดียวกันหากเราต้องการซื้อ รถจำลองเราก็จะที่ร้านขายของเล่นเช่นเดียวกัน

         แต่ปัจจุบันร้านขายของเล่น (ซึ่งมักจะอยู่ในห้าง ไม่ได้เป็นร้านอยู่ริมถนนอีกต่อไป เฉพาะใน กทม.นะครับ) กับร้านขายรถโมเดล มักจะแยกกันอย่างชัดเจนคือคือ ขายรถโมเดลอย่างเดียว ส่วนร้านขายรถของเล่นก็จะขายหลายๆ อย่าง รวมทั้งของเล่น บังคับวิทยุ ของเล่นพลาสติก ของเล่นเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย ของเล่นเสริมทักษะ

         ทีนี้เราจะมาดูกันว่าเวลาที่เราจะใช้งานรถจำลองทั้งสองชนิดต่างกันอย่างไร

         รถของเล่นเวลาใช้งานเราก็จะเอามาลาก ไถ ดัน เข็น ครูด โยนเล่น ตามลูกเล่นของมัน เช่น รถถังก็จะเอาปืนของมันมายิงกัน บางทีก็เอามาขว้างใส่กัน (เวลาทะเลาะกันครับ)

         ด้วยเหตุนี้ของเล่นที่ผลิตมาจึงเหลือจำนวนไม่มากที่มีสภาพดี นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้รถจำลองที่เป็นรถของเล่นรุ่นเก่าๆ มีราคาสูงมาก


         ส่วนรถจำลองที่เป็นรถโมเดล เวลาเราจะใช้งาน เราก็แค่เอามาดู ปัดฝุ่น ลูบคลำ ดม(บางคน) เปิดประตู ปิดประตู สตาร์ทเครื่องยนต์ (อาจมีนะในอนาคต) เข้าไปนั่ง (อันนี้ใช้เฉพาะรถจำลองอัตราส่วน 1:1 ครับ) ทุกคนก็จะรักษารถโมเดลของตัวเองไว้อย่างดี จำนวนของมันก็จะหายไปไม่มาก มันก็จะแพงในตอนซื้อ และในอนาคตมันจะแพงขึ้นตามค่าของเงินที่มันแพงขึ้น และจำนวนคนที่มากขึ้น ความต้องการของที่หยุดผลิตแล้วก็มากขึ้น


         ทีนี้มาว่าถึงเทคนิคการออกแบบและการผลิตของรถจำลองทั้งสองประเภท และลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือมันมีลูกเล่นที่จะทำให้เล่นได้ เช่น รถถังก็จะทำให้ปืนใหญ่บนรถถังใช้ยิงได้ หรือรถ Matchbox ก็จะมีลูกเล่นที่ทำให้กลไกต่างๆ ที่ตัวรถทำงานได้ คือมีระบบ Rolamatics ที่จะทำให้ไฟสัญญาณหมุนได้ เรดาห์หมุนได้ ลูกสูบในเครื่องยนต์ขึ้นลงได้ ท่อไอเสียสั่นได้ รถเจมส์บอนด์ของ Corgi ที่จะมีกลไกต่างๆ ทำงานได้เหมือนรถจริงๆ ในภาพยนตร์ (รถเจมส์บอนด์รุ่นหลังๆ ที่ผลิตขึ้นมาจะไม่ค่อยมีลูกเล่นแบบนี้ แต่จะเน้นที่มีสัดส่วนรายละเอียดที่สวยงาม)


นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาระบบล้อหมุนให้มีความสนุกในการทำให้มันวิ่งเร็วขึ้น เช่น การริเริ่มเป็นคนแรกของล้อ Hot Wheels ของ Mattel ตามมาด้วยล้อ Superfast ของ Matchbox และล้อ Whizzwheels ของ Corgi


รถจำลองที่มีลักษณะเป็นของเล่นในสมัยก่อน การออกแบบมักจะมีรายละเอียด และชิ้นส่วนที่บอบบางจะถูกตัดออกไป เช่น โลโก้ที่อยู่บนหน้าหม้อน้ำของ Mercedes หรืออาจเป็นไปได้ว่าเทคนิคการผลิตในสมัยก่อนยังไม่ดีพอ การหล่อชิ้นส่วนเล็กๆ ทำไม่ได้ โลหะที่ใช้หล่ออาจเปราะบางหักง่าย เทคโนโลยีการทำแม่พิมพ์ไม่ก้าวหน้าพอ และที่สำคัญยังต้องใช้แรงคนในการประกอบตัวรถ พ่นสี และขั้นตอนการบรรจุหีบห่อ

     

                 


ในยุคนั้นรถของเล่นและรถโมเดลจะรวมอยู่ในประเภทเดียวกัน แยกไม่ออกชัดเจนนัก

ครั้นเมื่อเทคโนโลยีการผลิตมีความก้าวหน้าทันสมัยขึ้น การหล่อชิ้นส่วนต่างๆ ให้เล็กลง มีรายละเอียดคมชัดขึ้น จึงทำให้รถจำลองที่เป็นของเล่นค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นรถโมเดล ส่วนรถของเล่นที่ทำอย่างง่ายๆ ในสมัยก่อนก็ค่อยๆ เลิกผลิตไป และพฤติกรรมการเล่นของเด็กในปัจจุบันก็เปลี่ยนไป เช่น การเล่นเกมส์ออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต ดังนั้นกลุ่มที่เล่นรถโมเดลก็จะเป็นกลุ่มเด็กโตและผู้ใหญ่

ส่วนกลุ่มที่เล่นรถโมเดลซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นรถที่มีขนาดใหญ่ มักจะเก็บรถที่มีขนาด 1:43 ขึ้นไป มีรายละเอียดที่เหมือนจริง แม้แต่วัสดุที่ใช้ทำรถ เช่น เบาะอาจทำจากหนังจริงๆ ขอบคิ้วต่างๆ บนตัวรถมีรายละเอียดชัดเจน และมักเป็นรถจำลองที่ผลิตขึ้นมาในยุคหลังๆ ที่มีเทคโนโลยีการผลิตเจริญก้าวหน้าขึ้นมามากแล้ว พ่อแม่ซื้อรถโมเดลมาก็จะไม่ให้ลูกเล่น ถึงให้ลูกเล่นก็จะเล่นไม่สนุก เพราะมันไม่มีอะไรที่ใช้เล่นได้ เช่น รถถังก็จะไม่มีปืนที่ใช้ยิงกระสุนไม้จิ้มฟันได้ สายพานยางที่รถก็จะทำให้รถวิ่งไม่ได้เร็ว มันเล่นไม่สนุก ก็คือต้องเอาไว้โชว์อย่างเดียว

สรุปแล้วไม่ว่าใครจะสะสมรถเหล็กประเภทไหนต่างก็มีเหตุผลของตัวเองเป็นความสุขส่วนตัวของแต่ละคน และขึ้นกับเงินในกระเป๋าของแต่ละบุคคลด้วยครับ (ข้อนี้สำคัญนะ ใครจะว่าไม่สำคัญ ขอเถียง!)

https://www.lazada.co.th/shop/toy2hand-shop


Wednesday, 16 March 2022

Porsche Spider 550 รถคู่ใจตลอดกาลของเจมส์ ดีน

       


 อุบัติเหตุรถยนต์ชนกันเมื่อวันที่ 30 กันยายน 1955 เวลา 17.45 น. ที่เมือง Bakersfild USA ทำให้เกิดเรื่องราว 2 เรื่องที่อยู่ในความทรงจำของชาวอเมริกันและผู้คนเกือบทั่วโลกคือ การเสียชีวิตของเจมส์ดีน ดาราภาพยนตร์ขวัญใจวัยรุ่นในยุค ’50 ด้วยวัยเพียง 24 ปี และกำลังมีชื่อเสียงจึงทำให้เขานั้นกลายเป็นดาราอมตะที่มีผู้คนยังจดจำได้จวบจนทุกวันนี้ และอีกเรื่องหนึ่งคือ ทำให้รถแข่ง Porsche Spider 550RS หมายเลข 130 คัน ที่เขาประสบอุบัติเหตุนั้นกลายเป็นรถที่โด่งดังและผู้คนจำได้ว่าเป็นรถของ เจมส์ ดีน (แต่อาจจะไม่รู้ว่าเป็นรถอะไรหรือรุ่นอะไร) เรามาทำความรู้จักกับเจมส์ ดีน ดาราอมตะผู้มีชื่อเสียงก้องโลก (ทั้งๆ ที่เขาแสดงภาพยนตร์ได้เพียง 3 เรื่องและอยู่ในวงการมาได้เพียง 4-5 ปีเท่านั้นเอง)


เจมส์ ดีน เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 1931 ที่เมือง Marion รัฐ Indiana USA ปี 1950 เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ Monica City รัฐ California ในระหว่างเรียนก็ได้งานแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกจากโฆษณาน้ำอัดลม Pepsi-Cola ด้วยความชื่นชอบและหลงใหลในอาชีพนักแสดง เขาได้ตัดสินใจลาออกมหาวิทยาลัยในปี 1951 จากนั้นก็เข้าสู่วงการแสดงเต็มตัว เขาได้แสดงละครเรื่อง The Immoralist และได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์ TV ในปี 1952 ในเรื่อง “East OF Eden” ซึ่งดัดแปลงจากนิยายของจอห์น ไสตน์แบค ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscar และภาพยนตร์อีก 2 เรื่องที่ทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นคือ ภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without a Cause และภาพยนตร์เรื่อง Giant เจมส์ ดีนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ถึง 2 ครั้ง

         

นอกจากความสามารถในด้านการแสดงแล้ว เจมส์ ดีนมีความสามารถในการแข่งรถและเป็นผู่ที่รักการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ ต้นปี 1955 หลังจากประสบความสำเร็จจากการแสดงภาพยนตร์เรื่อง East of Eden เขาก็เริ่มหันมาสนใจการแข่งรถอย่างจริงจังโดยเขาได้ซื้อรถแข่งคันแรกเป็นรถสปอร์ต MG TD ขนาดเครื่องยนต์ 1500 cc. สีแดง พร้อมๆ กับซื้อรถ Ford Country Squire Woodie Station Wagon สำหรับไว้ลากรถพ่วงซึ่งบรรทุกรถแข่ง 


     

รถ MG คันนี้ชนะการแข่งขัน Pacific Prestigious and Pasadena และยังลงแข่งขันที่สนาม Santa Barbara, California อีกด้วย 
ต่อมาอีกไม่นานในปีเดียวกัน เขาได้ซื้อรถ Porsche – Speedster (หมายเลขตัวถัง 82621) คันนี้เขาใช้แข่งชนะที่ 2 ในสนามที่ปาล์มสปริงเดือนมีนาคม 1955
  

ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without a Cause วันที่ 21 กันยายน 1955 เขาได้แลกซื้อ Posche 356 Speedster กับ Porsche 550 Spyder (ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรถที่รู้จักกันทั่วโลกว่าเป็นรถของเจมส์ ดีน)


รถ Porsche 550 Syder ในสมัยปี ’50 นั้น จัดได้ว่าเป็นรถรุ่นสุดยอดที่เป็นรถในฝันของนักแข่งในยุคนั้น ผู้ออกแบบตัวถังคือ Erwin Komenda รถรุ่นนี้ผลิตขึ้นมาเพียง 78 คันทั่วโลกเท่านั้น 550 Spyder เป็นรถแข่งที่มีขนาดเล็ก ความยาว 141.75 นิ้ว กว้าง 51 นิ้ว สูง 40 นิ้ว น้ำหนักรถ 1480 ปอนด์ ความจุถังน้ำมัน 22 แกลลอน เครื่องยนต์ 4 สูบ 1490 cc. 110 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความเร็วสูงสุด 129 ไมล์/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ ใช้เวลา 7.2 วินาที ตัวรถสีบรอนซ์เงิน เบาะสีแดง หมายเลขสองข้างประตูและบนฝากระโปรงหน้าหลังคือ หมายเลข 130 ที่ท้ายรถมีตัวอักษรระบุชื่อเล่นของรถคันนี้ว่า Little Bastard ชื่อนี้ Bill Hickman ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนทางด้านภาษาในภาพยนตร์เรื่อง Giant ที่เจมส์ ดีน กำลังแสดงอยู่ในช่วงนั้นเป็นผู้ตั้งให้ รถ Porsche 550 Spyder คันนี้ได้รับการปรับแต่งเพื่อใช้สำหรับแข่งขันโดย George Barris (ผู้ออกแบบรถในภาพยนตร์เรื่อง Batman)


หลังจากการซื้อ Little Bastard ได้ไม่กี่วัน ก็มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง เจมส์ ดีน พบกับ Alec Guinness (ปัจจุบันคือ Sir Alec Guinness) ที่หน้าภัตตาคารแห่งหนึ่ง หลังจากที่ดีนได้แนะนำตัวกับกินเนสซึ่งเป็นนักแสดงอาวุโสกว่า เขาก็ได้อวดรถ Little Bastard คันใหม่เอี่ยมกับกินเนส



กิน เนสหันไปมองที่รถอยู่ครู่หนึ่งพร้อมๆ กับเห็นลางร้ายที่เกิดขึ้นกับรถคันนี้ และได้กล่าวกับดีนว่า ถ้าคุณขับรถคันนี้ในช่วงนี้จนถึงสัปดาห์หน้า คุณจะพบกับความตาย (คำพูดนี้กินเนสพูดในวันที่ 23 กันยายน 1950) หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เช้าตรู่วันที่ 30 กันยายน ปี 1955 ดีนและช่างเครื่องของเขา Rolf Wutherich ได้เตรียมรถ Little Bastard เพื่อเข้าร่วมการแข่งรถที่ Salinas, California เดิมทีนั้นเขาตั้งใจที่จะนำรถแข่งไป Salinas โดยใช้ Ford Country ลากไปกับรถพ่วง และไปพร้อมกับช่างภาพชื่อ Stanford Roth เพื่อบันทึกภาพเบื้องหลังการแข่งขัน ประมาณ 10.00 น. พ่อและลุงของดีนมาเยี่ยมและกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ประมาณ 13.00 น. ดีนตัดสินใจในนาทีสุดท้ายที่จะขับ Little Bastard ไปด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่อต้องการที่จะทำความคุ้นเคยกับรถที่เขาเพิ่งจะซื้อมาด้วยนั่นเอง

ประมาณ 15.45 น. หลังจากการตรวสอบความเรียบร้อยของรถแข่ง ดีนและช่างเครื่อง Wutherich ก็ออกเดินทางจาก Bakersfild

ประมาณ 17.45 น. ระหว่างที่ขับมาด้วยความเร็วสูง ประมาณ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่แยกใกล้เมือง Cholame มี รถเก๋งฟอร์ดคันหนึ่งขับตัดทางแยกมาด้วยความเร็วสูงเช่นกัน ทั้งคู่ไม่สามารถควบคุมรถได้จึงประสานงากันอย่างแรง รถตกไปที่ข้างทาง ดีนเสียชีวิตในอีก 11 นาทีต่อมา คือเวลา 17.59 น. คำพูดสุดท้ายของเขาคือ “เขาควรจะหยุด....เขามองเห็นเรา”  Rolf Wutherich ช่างเครื่องบาดเจ็บสาหัสแต่รอดมาได้ แต่เขาก็มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นกันในปี 1981 ที่ประเทศเยอรมันนี


รถ Little Bastard พัง ยับเยินกลายเป็นซากรถและกลายเป็นรถอาถรรพ์ที่ไม่เพียงแต่ทำให้เจมส์ ดีน ดาราชื่อก้องโลกต้องเสียชีวิตเท่านั้น รถคันนี้ยังทำให้อีกหลายคนต้องได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในอีกหลายปีต่อมา

George Barris ซึ่งเป็นผู้ปรับแต่งรถแข่งคันนี้ เป็นผู้ที่ซื้อซากรถคันนี้เอาไว้ หลังจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้ ตำรวจทางหลวง California Highway Patrol ได้ขอยืมซากรถคันนี้เพื่อไปใช้ในการรณรงค์การลดอุบัติเหตุบนทางหลวง ในช่วงปี 1958-1959 แต่ ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมีอุปสรรคที่คาดไม่ถึงบ่อยครั้ง เช่น ซากรถได้เลื่อนไถลไปทับเด็กนักเรียนในระหว่างการขนย้ายที่โรงเรียนใน Sacramento และท้ายที่สุดในปี 1960 หลังจากที่ตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียส่งซากรถ Little Bastard กลับคืนให้เจ้าของคือ George Barris ที่ลอสแองเจลีส ซากรถคันนี้ก็ได้หายไปอย่างลึกลับไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลยจนปัจจุบัน



                                                                         
ทีนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องของรถเหล็กของ James Dean กันบ้างครับ ผมเข้าใจว่า Brumm แห่งอิตาลี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตรถเหล็กในประวัติศาสตร์ได้ผลิต Porsche 550RS (America 1954) เพื่อระลึกถึง James Dean โดยเฉพาะถึงแม้จะไม่ระบุไว้ที่กล่องหรือตัวรถ แต่การที่ตัวรถมีสีบรอนซ์เงิน หมายเลข 130 และข้อความ “Little Bastard” และเพลทหมายเลข 2Z77767 บนกระโปรงหลัง นั่นหมายถึงรถของเจมส์ดีนซึ่งเป็นพาหนะที่นำเขาไปสู่วาระสุดท้ายของชีวิตนั่นเอง

Brumm ผลิตรถเหล็กคันนี้ในอิตาลี ในปี 2006 เป็นหนึ่งในบริษัทรถเหล็กจำนวนไม่มากที่ยังคงผลิตในโรงงานดั้งเดิมของตัวเอง ซึ่งก่อตั้งมาตังแต่ปี 1970 โดยมีอัตราส่วน 1:43 ตัวรถยาว 8.7 ซม. กว้าง 3.5 ซม. สูง 2.2 ซม. ตัวรถสีบรอนซ์เงิน เบาะนั่งสีแดง เลียนแบบรถของเจมส์ดีนทุกรายละเอียด




ชิ้นส่วนส่วนใหญ่ทำด้วยโลหะ เช่น ใต้ท้องสีดำ ดุมล้อสีเงิน ล้อยางถอดได้ พวงมาลัยและคันเกียร์โครเมี่ยม
ครับนับเป็นรถเหล็กที่น่าสะสมอีกคันหนึ่ง เพราะมีเรื่องราวน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนๆ ของเจมส์ดีน ดาราอมตะที่โลกไม่เคยลืม สำหรับท่านที่สนใจรถเจมส์ดีนอยากมีไว้สะสม ไปที่ร้านผม toy2hand_shop ได้เลยครับ


           


รถแทรคเตอร์ Massey Ferguson Tractor with Shovel


รถเหล็ก Corgi No.53A Massey Ferguson Tractor with Shovel ผลิตโดย Corgi Toys ในอังกฤษ ปี 1960 ความยาว 12.2 ซม. หนัก 90 กรัม

รถแทรคเตอร์พร้อมที่ตักโลหะ สีครีม-แดง ด้านข้างมีรูปลอกน้ำ Massey Ferguson ทุกชิ้นส่วนเป็นโลหะ ยกเว้นยางและดุมล้อ มีก้านโลหะบังคับ ที่ตักขึ้น-ลง พร้อมตัวล๊อกสีดำ กระจังหน้าและภายในกระบะตัก พวงมาลัย ที่นั่งสีบรอนซ์เงิน มีขอลากด้านหลัง ล้อยางถอดเปลี่ยนได้ สามารถยกขึ้น-ลงและปลดล็อกกระบะให้เทได้ ซึ่งจะเพิ่มคุณค่าในการเล่นให้กับเด็กๆ ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี (กว่า 50 ปีมาแล้ว)

Corgi Toys ผลิตรถรุ่นนี้ออกมา 2 สีคือ สีครีม-แดง และสีเทา-แดง รถเหล็กรุ่นนี้หยุดการผลิตในปี 1966 

Tuesday, 15 March 2022

รถเหล็กในการ์ตูนตินติน Miesse Truck

รถเหล็ก Miesse Truck ปี 1933 ของ Editions Atlas France ref.2118036, ผลิตในประเทศจีน ปี 2004 โดย Herge/Moulinsartสีส้ม กระบะเทา กระจกใส ภายในสีน้ำตาลอ่อน มีตัวการ์ตูน ตินติน ปลอมตัวเป็นคนจีนหลบอยู่ท้ายกระบะ มีคนขับรถอยู่ในห้องโดยสาร รถคันนี้มาจากการ์ตูน การผจญภัยของตินติน ตอน The Blue Lotus ตีพิมพ์ในปี 1946 หน้า 32



สีส้ม กระบะเทา กระจกใส ภายในสีน้ำตาลอ่อน มีตัวการ์ตูน ตินติน ปลอมตัวเป็นคนจีนหลบอยู่ท้ายกระบะ มีคนขับรถอยู่ในห้องโดยสาร รถคันนี้มาจากการ์ตูน การผจญภัยของตินติน ตอน The Blue Lotus ตีพิมพ์ในปี 1946 หน้า 32


สภาพใหม่ในกล่องโชว์สีน้ำเงินรุ่นแรก พร้อมฉากหลัง และแผ่นพับซึ่งมีภาพรถในการ์ตูน ภาพรถจริง รายละเอียดของรถโมเดล รวมทั้งใบรับรองว่าเป็นของแท้จาก Herge/Moulinsart  https://shp.ee/7i426bx

รถเหล็ก MINI คันแรกที่ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก

    


             รถ Mini คันแรก หมายเลขทะเบียน 621 AOK ที่ถ่ายรูปคู่กับผู้ประดิษฐ์คือ Sir Alec Issigonis ได้ถูกนำมาผลิตเป็นรถเหล็กเป็นครั้งแรกในปี 1999 เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของรถ Mini โดยบริษัท Lledo PLC. ผู้ผลิตรถเหล็กชั้นนำของประเทศอังกฤษ โดยได้รับอนุญาตจาก Rover Group

ตัวรถ Mini ของจริง ออกปรากฏตัวต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ปี 1959 โดยผู้ออกแบบคือ เซอร์อเล็กซ์ อิซิโกนิส นับเป็นการออกแบบรถที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการออกแบบรถในขณะนั้น เรียกว่าเป็นการออกแบบสวนกระแสก็ว่าได้ จากวันนั้นเป็นต้นมา รถ Mini ได้กลายเป็นรถเล็กที่มีผู้นิยมชมชอบจนกลายเป็นรถคลาสสิกมียอดจำหน่ายสูงมาก และราคาก็ไม่ตกเหมือนรถรุ่นอื่นๆ และแม้กระทั่งรถของเล่น รถจำลอง รถเหล็ก รถสังกะสีของรถมินิก็เป็นที่ต้องการของนักสะสมมาโดยตลอด

รถ Mini ได้ทำสถิติในด้านต่างๆ ไว้หลายอย่าง อาทิ

ปี 1960 ซึ่งจำหน่ายเป็นปีแรก ขายได้อย่างถล่มทลายถึง 116,000 คัน

ปี 1986 รถ Mini ขายได้เกิน 5 ล้านคัน

ปี 1995 ได้รับประชามติจากผู้อ่านหนังสือ Autocar ให้เป็น รถแห่งศตวรรษ

รถ Mini ยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย โปรดติดตามกันต่อๆ ไปนะครับ



สำหรับรถเหล็ก Mini เลขทะเบียน 621 AOK คันแรกนี้ ผลิตในอังกฤษ โดยโรงงานดั้งเดิมที่เมือง Enfield ด้วยอัตราส่วน 1:43 ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ มีรายละเอียดต่างๆ สวยงามมากครับ นับเป็นรถที่น่าสะสมเป็นอย่างยิ่งครับ  https://shp.ee/9e5g8wx