100 ปี แห่งการบิน (100 Years of Flight)

บล็อกเราคุยกันแต่เรื่องรถเหล็กกันมามากแล้ว วันนี้เรามาคุยกันถึงเครื่องบินเหล็กกันบ้างนะครับ นั่นก็คือ Corgi No. CS 90110 - 1903 Wright Flyer ผลิตโดย Corgi Classic Limited ในจีน ปี 2003 ความยาว 5.8 ซม. กว้าง (ปีก-ปีก) 11.1 ซม. สูง 2.4 ซม.รถเหล็กอันที่จริงต้องเรียกว่า เครื่องบินเหล็กลำนี้เป็นการจำลองเครื่องบินลำแรกของโลกที่บินได้ด้วยเครื่องยนต์โดยพี่น้องตระกูล Wright ในปี 1903 เป็นเครื่องบินจำลองในชุดร้อยปีแห่งการบิน "100 Years of Flight" ในปี 2003 (นับจากปีเริ่มต้น 1903)

เที่ยวบินแรกที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การบินก็คือ เที่ยวบินที่พี่น้องตระกูล Wright คือ Orville และ Wilber Wright ได้ประสบความสำเร็จในการบินด้วยเครื่องยนต์เป็นครั้งแรกของโลกในครั้งนั้นบินได้ 12 วินาที ไปได้ไกล 120 ฟุต (ระยะทางสั้นกว่าความกว้างของปีกเครื่องบินสมัยนี้เสียอีก) ในการบินครั้งต่อมาซึ่งได้บันทึกไว้เป็นสถิติคือบินได้ 58 วินาที ไปได้ไกล 852 ฟุต โดย Orville เป็นผู้บังคับเครื่องที่เมือง Kitty Hawk รัฐ North Carolina สหรัฐอเมริกา

เครื่องยนต์ทีใช้เพื่อหมุนใบพัดนั้นสองพี่น้องได้ช่วยกันสร้างขึ้นเอง เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบาพอที่จะใช้บนเครื่องบิน เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ใช้โซ่โยงไปหมุนใบพัด 2 ใบ ปัจจุบันเครื่องลำนี้เก็บรักษาไว้ใน National Air and Space Museum, Washington DC.

ไหนๆ ก็เล่าเรื่องเที่ยวบินแรกของโลกไปแล้ว เรามาดูกันซิครับว่าในเมืองไทยเราได้เห็นเครื่องบินครั้งแรกเมื่อใด คำตอบก็คือ 7 ปีหลังจากนั้นครับ คือปี พ.ศ.2453 เครื่องบินที่หน้าตาไม่ต่างกันมากกับเครื่องของพี่น้อง Wright โดยนาย Charles Van Born ชาวฝรั่งเศสได้นำเครื่องบินชื่อ Henry Farman 4 มาตระเวณโชว์ในเอเชีย ในครั้งนั้นเครื่องลำนี้ได้แสดงการบินโชว์ในระหว่างวันที่ 31 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2453 สมัยรัชกาลสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งพระองค์ได้เสด็จมาทอดพระเนตรในวันที่ 2 ก.พ.ปี 2453 เครื่องยนต์ที่ใช้ในเครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบหมุนแบบโนม (Gnome Rotary Engine) ขนาด 50 แรงม้า 2 เครื่อง

ส่วนเครื่องบินเหล็กจำลองของของ Corgi ลำนี้ผลิตโดยได้รับอนุญาตจากกองทุนของตระกูล Wright (Wright Family Fund) มีปีกสีเบจ (แทนสีของผ้าที่ใช้หุ้มโครงปีก) โครงลำตัวสีน้ำตาล เครื่องยนต์และใบพัดสีดำ โดยมีหุ่น Orville ใส่หมวกและชุดดำนอนบังคับเครื่องบิน บรรจุกล่องออกแบบสวยงาม พร้อมกับ Display Stand น่าเก็บครับเพราะเป็นการผลิตในวาระโอกาส 100 ปีของการบินของโลกครับ

Austin 7 Mini จาก Lledo Vanguards

อย่างที่บอกละครับว่ารถมินิเป็นหนึ่งในรถที่ผมชอบมาก เลยเอามาให้ดูกันเยอะหน่อยนะครับ คันนี้เป็นรถเหล็ก Lledo Vanguards No.74001-1959 Austin 7 Mini ผลิตในอังกฤษ ปี 1995 ความยาว 7.2 ซม. สีแดงเข้ม กระจกใส ภายในสีน้ำตาลอ่อน พวงมาลัยสีดำ ใต้ท้องโลหะสีดำ Lledo ผลิตรถ Mini เป็นครั้งแรกในปี 1995 และผลิตออกมามา 3 สีครับคือ สีแดงและสีฟ้า และสีขาวทำเป็นรถตำรวจครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ Lledo ผลิตรถ Mini เป็นครั้งแรกในปี 1995 บรรจุในกล่องสภาพดี สวยครับสำหรับแฟนๆ รถมินิ

Mini Cooper ของ Tomica

รถมินิคูเปอร์เป็นรถที่ได้รับความนิยมในการนำมาผลิตเป็นโมเดลกันนะครับ อย่างคันนี้ก็เป็นของ Tomica อีกหนึ่งในแบรนด์จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถยี่ห้อยอดนิยมของนักสะสม รถมินิคูเปอร์คันนี้ ลิขสิทธิ์ปี 1979 ผลิตในประเทศจีน ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหยุดการผลิต อัตราส่วน 1:50 ยาว 6.3 ซม. ตัวรถสีส้ม หลังคาธงยูเนี่ยนแจ๊ค กระจังหน้าแลพไฟหน้าโครเมี่ยม กันชนหน้าหลังชิ้นเดียวกับใต้ท้องโลหะ กระจกใส ใต้ท้องโลหะไม่พ่นสี ผลิตในจีนหรือญี่ปุ่นก็สวยเหมือนกันครับ เพราะแม่พิมพ์เดียวกัน

Austin Seven Mini Van : Somerset Fir Brigade

รถออสตินมินิแวนแสนสวยอีกคันที่เอามาให้ชมกัน เป็นรถ Austin Seven Mini Van : Somerset Fire Brigade ของ Vanguard No.VA 14012 Somerset Fire Brigade เป็นหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอัคคีภัย ก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 1949 ตั้งอยู่ที่เมือง Somerset มีอาสาสมัครอยู่ประมาณ 20 คน สำหรับรถเหล็กคันนี้ผลิตในอังกฤษ ปี 1997 สเกล 1:43 ความยาว 7.6 ซม. ตัวรถสีแดง มีไฟสีน้ำเงินบนหลังคา รถมีกล่องสวยงาม ภายในมีการ์ดรูปรถด้วย น่าเก็บมากครับ กระซิบนิดนะครับ ใครชอบรถคันไหนในบล็อกของเรา และอยากมีไว้สะสมบ้าง ลองเขียนอีเมล์มาคุยกันได้นะครับเผื่อจะหาให้ได้

"Grang Prix" Mini Cooper

เอารถมินิมาให้ดูอีกแล้วครับท่าน คราวนี้เป็นรถ Mini Cooper ของ Vanguards No. VA25002 ผลิตในอังกฤษปี 1997 ความยาว 7.2 ซม. สีเขียวแก่ หลังคาขาว แถบขาวบนกระโปรงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Mini Cooper ใต้ท้องโลหะสีเดียวกับตัวรถ กระจกใส ภายในสีดำ ป้ายทะเบียนติดมาจากโรงงาน รถร่นนี้ไม่มีกระจกมองข้างครับ

รถจริงของ Mini Cooper นั้น John Cooper นักแข่งรถระดับโลก ได้นำรถ Mini รุ่นธรรมดา มาปรับปรุงเครื่องยนต์และช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จนกระทั่งชนะการแข่งขันสำคัญๆ หลายครั้ง โดยเฉพาะการแข่งมอนติคาโล แรลลี่

โฟล์กตู้กับซานตาครอส

เอารถโฟล์กตู้ที่มีรูปซานตาครอสมาให้ดู ออกจะผิดฤดูกาลไปหน่อยนะครับ เพียงแต่อยากจะให้เห็นว่ามีการผลิตรถเหล็กเพื่อให้เข้ากับเทศกาลต่างๆ รู้อย่างนี้พอเวลาเทศกาลคริสต์มาสซื้อให้กับคนที่ชอบสะสมรถเหล็กก็เก๋ไม่เบานะครับ รับรองถูกใจแน่ๆ ครับ

รถเหล็ก Lledo No. IN 0473 VW Kombi Van Pepsi-Cola ผลิตในอังกฤษ โดยได้รับอนุญาตจาก Pepsi-Cola Company ปี 1995 ความยาว 8.8 ซม. (1:50) รถเหล็กโฟล์กตู้ปี 1955 สีฟ้า ใต้ท้องโลหะสีขาว กระจกใส ภายในสีดำ สองข้างรถพิมพ์โฆษณา Pepsi เป็นรูปซานตาครอสชูขวด Pepsi ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5,000 คัน ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปี 1995 คันนี้เป็นคันที่ 4498 บรรจุในกล่องพิเศษที่พิมพ์มาสำหรับ Pepsi โดยเฉพาะ พร้อมใบรับรองการผลิตจำนวนจำกัด และมีสติกเกอร์สีทองข้อความ "Special Limited Edition" ติดบนกล่อง

1955 VW KOMBI VAN-NORMAN ROCKWELL-SATURDAY EVENING POST

วันนี้ผมมีรถเหล็ก Lledo No.WB 001131 1955 VW Kombi Van, Norman Rockwell-Saturday Evening Post มาให้ดูกันครับ ที่น่าสนใจก็คือ รถโฟล์กตู้สีเหลืองคันนี้ มีภาพของ Norman Rockwell พิมพ์อยู่นั่นเอง รถเหล็กคันนี้ผลิตในอังกฤษ ปี 1997 ความยาว 8.8 ซม. (1:50) สีเหลืองอ่อน กระจกใส ภายในสีดำ ใต้ท้องรถโลหะสีเดียวกับตัวรถ สองข้างรถพิมพ์โฆษณานิตยสาร "The Saturday Evening Post" ฉบับวันที่ 20 กันยายน ปี 1958 หน้าปกเป็นภาพ The Runaway ซึ่งเป็นผลงานของ Norman Rockwell ซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปินที่เป็นที่รักที่สุดของชาวอเมริกัน

Norman Rockwell เกิดที่ New York เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 1894 เขาเป็นศิลปินนักวาดภาพ ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาส่วนมากจะตีพิมพ์ลงบนนิตยสาร "The Saturday Evening Post" เขาทำงานต่อเนี่องยาวนานกว่า 50 ปี แม้กระทั่งวาระสุดท้ายก็ยังมีภาพที่วาดไม่เสร็จค้างอยู่ เขาเสียชีวิตที่ Stockbridge, Mass. วันที่ 8 พฤศจิกายน 1978 มีผลงานเป็นภาพวาดกว่า 4,000 ภาพ

ภาพ The Runaway ที่พิมพ์อยู่ข้างรถเหล็ก Lledo คันนี้เป็นผลงานปี 1958 เขาบอกว่าเป็นภาพจากประสบการณ์ในวัยเด็ก ปัจจุบันภาพนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ N. Rockwell เมือง Stockbridge รัฐแมสสาซูเซท สหรัฐอเมริการถเหล็ก VW ตู้คันนี้ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ของชาวอเมริกันและชาวโลกท่านนี้ ตัวกล่องก็ออกแบบโดยเฉพาะไม่เหมือนกล่องทั่วไปของ Lledo ด้านหลังกล่องมีเรื่องราวของ Norman Rockwell