Wednesday, 7 May 2008
"Grang Prix" Mini Cooper
Monday, 5 May 2008
โฟล์กตู้กับซานตาครอส
1955 VW KOMBI VAN-NORMAN ROCKWELL-SATURDAY EVENING POST
POPEYE'S PADDLE WAGON
Popeye เป็นการ์ตูนที่ทุกคนรู้จักกันดีไม่แพ้ Micky Mouse หรือ Doremon การ์ตูน Popeye สร้างสรรค์โดย Elzie Crisler Seger ในปี 1929 โดยเริ่มจากการ์ตูนช่องในหนังสือพิมพ์ก่อนจะแตกลูกแตกดอกในสื่อเกือบทุกชนิด
ในปี 1932 ภาพยนตร์การ์ตูน Popeye เรื่องแรก "Popeye the Sailor" สร้างโดย Fleischer Studio หลังจากนั้นการ์ตูนชุด Popeye ก็สร้างโดย Paramount Picture เป็นเวลายายนานกว่า 20 ปี ปัจจุบันการ์ตูน Popeye ก็ยังมีชีวิตอยู่ ผู้วาดคนล่าสุดคือ Hy Eisman ซึ่งวาดมาตั้งแต่ปี 1994
รถเหล็ก Popeye's Paddle Wagon คันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างรถเหล็กขึ้นจากจินตนาการของผ้ออกแบบรถเหล็ก ในที่นี้ Popeye เป็นทหารเรือแน่นอนครับ มันจึงมีรูปร่างเป็นรถผสมเรือกลไฟ โดยมี Poipeye ยืนส่องกล้องทางไกล โอลีฟเป็นคนขับ Swee' Pee นั่งอยู่บนเรือชูชีพด้านท้ายรถ ที่ Popeye ยืนส่องกล้องทางไกลก็น่าจะมาจากปกหลังเล่มนี้แหละครับ
ล้อหลังของรถนั้นทำเลียนแบบใบพัดวงกลมขนาดใหญ่ที่ใช้ในเรือกลไฟที่เราเห็นล่องในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ล้อหน้าก็เป็นล้อรถยนต์ บนส่วนที่เป็นเรือก็มีเครื่องจักรไอน้ำสีทองแดงวางอยู่หลัง Popeye ตัวการ์ตูนทำด้วยพลาสติกลงสีด้วยมือครับ
Sunday, 4 May 2008
รถเหล็กการผจญภัยด้วยรถจิ๊ฟของอ้วนผอมจอมตลกลอเรลและฮาร์ดี้ (Laurel & Hardy)
แฟนๆ รถเหล็กที่อายุต่ำกว่า 30 ปีน่าจะไม่รู้จักอ้วนผอมจอมตลกคู่นี้กันแล้วครับ เรามาทำความรู้จักกับ “ดาราตลกคู่" ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์โลกเลยที่เดียว ตลกผอมคือ Stan Laurel (1890-1965) เป็นชาวอังกฤษที่ย้ายมาอยู่อเมริกา ตลกอ้วนคือ Oliver Hardy (1892-1957) ทั้งสองร่วมงานกับบริษัทสร้างภาพยนตร์เล็กๆ ชื่อ เป็นภาพยนตร์เงียบชื่อ “The Lucky Dog” 1919 จากนั้นก็ได้ไต่เต้าสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังและประสบความสำเร็จมาก จนได้รับรางวัล Oscar ในปี 1932 จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง “The Music Box” จากนั้นในปี 1941 ทั้งคู่ก็ได้มาร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวู้ด เช่น Twenty Century Fox ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่แสดงคู่กันคือ เรื่อง “Atoll K” ถ่ายทำในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงปี 1950-1951 รวมแล้ว Laurel และ Hardy ได้แสดงภาพยนตร์ร่วมกันทั้งภาพยนตร์เงียบและภาพยนตร์เสียงทั้งหมด 106 เรื่อง
ข้อแรกคือ เป็นตามเนื้อเรื่องของการ์ตูน
ข้อสองคือ รถ Jeep เป็นรถอเมริกันที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดาวตลกทั้งสองกำลังมีชื่อเสียงก้องโลก
ที่มาของคำว่า “Jeep” นั้น บางคนก็บอกว่าเพี้ยนมาจากคำว่า Genaral Purpose แต่ก็มีผู้บอกว่า มาจากตัวอักษรแรกของชื่อและนามสกุลของหัวหน้าวิศวกรผู้ออกแบบของทั้งสองโรงงานคือ John Earling จาก Ford และ Earnest Parker จากโรงงาน Willys อย่างไรก็ตามในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รถ Jeep รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ Jeep Willys MB (คันที่ Laurel และ Hardy นั่งอยู่นี่เองครับ) โดยรถรุ่นนี้เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2199 ซีซี 60 แรงม้า มี 3 เกียร์เดินหน้าและ 1 เกียร์ถอยหลัง มีระบบขับ 2 ล้อแบบ Hi และขับ 4 ล้อแบบ Low และ Hi น้ำหนักรถประมาณ 1000 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ประกอบ
รถเหล็ก Jeep MB ที่มีตัวการ์ตูนอ้วนผอมโดย Laurel ตลกผอมเป็นผู้โดยสารและตลกอ้วน Hardy เป็นคนขับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่บนเบาะหลัง ตัวรถสีเขียวทหาร มีดาวสีขาวบนฝากระโปรงและขอบข้างรถด้านหลังทั้งสองด้าน ฝากระโปรงเปิดได้ มีเครื่องยนต์ภายใน กระจกหน้าพับได้ ใต้ท้องมีรายละเอียดของช่วงล่าง ล้อยางถอดได้ รวมทั้งยางอะไหล่ด้านหลังและถังน้ำมัน ความยาวตัวรถ 10.7 ซม. กว้าง 4.9 ซม. สูง 5.4 ซม. (อัตราส่วน 1:32)
Friday, 2 May 2008
รถสังกะสีแบบเปลือยๆ
Thursday, 1 May 2008
เฟอร์รารี่
ชื่อยี่ห้อนี้มาจากนามสกุลของ “เอ็นโซ เฟอร์รารี่” (Enzo Ferrari) ชาวอิตาลี อดีตนักแข่งรถ และผู้จัดการทีมแข่งรถของ อัลฟ่าโรมิโอ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1929 ช่วงแรกมีจุดประสงค์ต้องการที่จะทำเป็นอู่รถ สำหรับแต่งรถเพื่อใช้ในการแข่งขันเท่านั้น
ปี ค.ศ.1940 เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผลิตรถคันแรกออกมาในชื่อ “Auto Avio Costruioni 815” แต่ยังไม่ได้ใช้ยี่ห้อ “เฟอร์รารี่” เพราะมีข้อตกลงกับต้นสังกัดคือ อัลฟ่าโรมิโอ ช่วงก่อร่างสร้างตัวนี่เองสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็อุบัติขึ้น โรงงานเฟอร์รารี่โดนระเบิดถล่มจนต้องปิดตัวไปโดยปริยาย
ปี ค.ศ.1946 ยอดรถสปอร์ตของโลกก็กลับมาเปิดตัวอีกครั้ง แต่เป็นอุตสาหกรรมกึ่งๆ ตรอบครัว ผลิตครั้งละ 5-10 คัน เพื่อหาทุนไปแข่งรถเท่านั้น อีก 1 ปีต่อมาถือเป็นตำนานหน้าแรกของเฟอร์รารี่ เมื่อผลิตรถรุ่นแรกภายใต้ยี่ห้อเฟอร์รารี่ออกมาในชื่อ “125S” แบบเปิดประทุน เครื่องยนต์เพียง 1500 ซีซี แต่ก็เพียงพอที่จะคว้าแชมป์รายการ “โรม กรังด์ปรีซ์”
“166 MM” คือโมเดลที่ 2 ของเฟอร์รารี่ ผลิตออกมาปี ค.ส.1948 และถูกจัดให้เป็นสุดยอดรถสปอร์ตคลาสสิครุ่นหนึ่งของโลก จากชัยชนะหลายสนามติดต่อกันทำให้เฟอร์รารี่ เป็นที่ต้องการของตลาด อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ทศวรรษแรก รูปทรงของเฟอร์รารี่ยังหลากหลายอยู่มาก จนปี ค.ศ.1968 รุ่น “365 GTB” รูปทรงจึงใกล้เคียงกับโฉมคลาสสิคที่เห็นกันจนชินตาในปัจจุบัน และรุ่นนี้ยังเป็นโมเดลแรกๆ ที่ใช้ไฟหน้าแบบเปิด-ปิดหรือ “POP UP” ด้วย
แต่รุ่นสุดยอดที่สุดที่นักเลงรถยกย่องคือ “F40” ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1987 เพื่อฉลองครบรอบ 40 เป็นรถคันแรกของโลกที่ทำความเร็วได้ถึง 200 ไมล์/ชั่วโมง F40 เป็นรถรุ่นสุดท้ายในยุคของเอ็นโซ เฟอร์รารี่ ด้วยปัจจุบันแม้จะมีอายุถึง 20 ปีแล้ว แต่ยังหากันในหลักราคา 14-15 ล้านบาท (ราคาในต่างประเทศ) แพงกว่าตอนผลิตออกมาใหม่ๆ ด้วยซ้ำ
โมเดลที่ได้รับความนิยมมากๆ ในขณะนี้คือรุ่น “F430” ผลิตออกมาเมื่อปี ค.ศ.2004 ส่วนรุ่นล่าสุดคือ “599GTB” ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
แม้จะประสบความสำเร็จในเรื่องการผลิตสุดยอดรถสปอร์ต ที่ในโลกนี้ดูเหมือนจะมีเพียง ปอร์เช่ หรือ พอร์ช ของเฟอร์ดินาน ปอร์เช่ วิศวกรอัจฉริยะชาวเยอรมันเท่านั้น ที่พอจะเทียงเคียงบารมีได้ แต่สำหรับวงการธุรกิจแล้วตระกูลเฟอร์รารี่ ต้องผ่องถ่ายหุ้นในมือตัวเองให้กับบริษัทเฟียตไปถึง 50% เมื่อปี ค.ศ.1969 พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Ferrari S.p.A.” ปัจจุบันตระกูลเฟอร์รารี่ที่คุ้นกันในแวดวงไฮโซ ก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่วเมืองไทย เมื่อกรมศุลกากรใช้รถแบ๊กโฮแล่นทับเฟอณ์รารี่ GT456 ที่ถูกระบุว่าเป็นรถของ “แก๊งฟอกรถ” เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว