Sunday, 4 May 2008

รถเหล็กการผจญภัยด้วยรถจิ๊ฟของอ้วนผอมจอมตลกลอเรลและฮาร์ดี้ (Laurel & Hardy)


รถเหล็กอ้วนผอมจอมตลกลอเรลและฮาร์ดี้คันนี้เป็นรถ Jeep รุ่น MB ซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานของกองทัพบกสหรัฐ ส่วนลอเรลและฮาร์ดี้ที่นั่งอยู่บนรถ Jeep คันนี้เป็นอ้วนผอมในเวอร์ชั่นที่เป็นการ์ตูนครับ



แฟนๆ รถเหล็กที่อายุต่ำกว่า 30 ปีน่าจะไม่รู้จักอ้วนผอมจอมตลกคู่นี้กันแล้วครับ เรามาทำความรู้จักกับ “ดาราตลกคู่" ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์โลกเลยที่เดียว ตลกผอมคือ Stan Laurel (1890-1965) เป็นชาวอังกฤษที่ย้ายมาอยู่อเมริกา ตลกอ้วนคือ Oliver Hardy (1892-1957) ทั้งสองร่วมงานกับบริษัทสร้างภาพยนตร์เล็กๆ ชื่อ เป็นภาพยนตร์เงียบชื่อ “The Lucky Dog” 1919 จากนั้นก็ได้ไต่เต้าสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังและประสบความสำเร็จมาก จนได้รับรางวัล Oscar ในปี 1932 จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง “The Music Box” จากนั้นในปี 1941 ทั้งคู่ก็ได้มาร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวู้ด เช่น Twenty Century Fox ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่แสดงคู่กันคือ เรื่อง “Atoll K” ถ่ายทำในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงปี 1950-1951 รวมแล้ว Laurel และ Hardy ได้แสดงภาพยนตร์ร่วมกันทั้งภาพยนตร์เงียบและภาพยนตร์เสียงทั้งหมด 106 เรื่อง



ทำไม Laurel และ Hardy ต้องมานั่งคู่กันบนรถ Jeep คงมี 2 เหตุผล
ข้อแรกคือ เป็นตามเนื้อเรื่องของการ์ตูน
ข้อสองคือ รถ Jeep เป็นรถอเมริกันที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดาวตลกทั้งสองกำลังมีชื่อเสียงก้องโลก




รถ Jeep นั้นได้ชื่อว่าเป็น “Hero of World War 2” นั่นคงเป็นเพราะอเมริกาชนะสงครามได้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเจ้ายานพาหนะขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กที่ไปได้ทุกหนทุกแห่งคันนี้นี่เอง รถ Jeep ถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1940 โดยรัฐบาลสหรัฐได้มอบหมายให้สองบริษัทใหญ่ร่วมมือกันสร้างรถเอนกประสงค์ขนาดเล็กที่สามารถไปได้ทุกหนทุกแห่ง มีขนาดเล็กสามารถขนย้ายไปในที่ต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วและซ่อมแซมได้ง่าย เพื่อใช้ในสงคราม สองบริษัทผลิตรถยนต์ทั้งสองบริษัท คือ Willys Overland Motors และ Ford Motor Company (ที่จริงมีอีกบริษัทแต่มีบทบาทไม่มากนักคือ American Bantam Car Company มีบทบาทในช่วงแรกๆ ในการสร้างรถต้นแบบคันแรกๆ คือ Bantam Pilot)

ที่มาของคำว่า “Jeep” นั้น บางคนก็บอกว่าเพี้ยนมาจากคำว่า Genaral Purpose แต่ก็มีผู้บอกว่า มาจากตัวอักษรแรกของชื่อและนามสกุลของหัวหน้าวิศวกรผู้ออกแบบของทั้งสองโรงงานคือ John Earling จาก Ford และ Earnest Parker จากโรงงาน Willys อย่างไรก็ตามในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รถ Jeep รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ Jeep Willys MB (คันที่ Laurel และ Hardy นั่งอยู่นี่เองครับ) โดยรถรุ่นนี้เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2199 ซีซี 60 แรงม้า มี 3 เกียร์เดินหน้าและ 1 เกียร์ถอยหลัง มีระบบขับ 2 ล้อแบบ Hi และขับ 4 ล้อแบบ Low และ Hi น้ำหนักรถประมาณ 1000 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ประกอบ




Jeep MB ผลิตในช่วงปี 1941-1945 ประมาณ 640,000 คันในรุ่นมาตรฐานและรุ่นพิเศษอื่นๆ อีก 8690 คัน Jeep ยังคงเป็นชื่อที่ยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบันโดย Daimler Chrysler เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และรุ่นปัจจุบันที่กำลังผลิตอยู่คือ Jeep Patriot (2007) และ Jeep Trailhawk(2007) ครับจบเรื่องรถจริงไปแล้วทีนี้มาว่ากันเรื่องของรถเหล็ก Jeep MB คันนี้กันบ้างครับ





รถเหล็ก Jeep MB ที่มีตัวการ์ตูนอ้วนผอมโดย Laurel ตลกผอมเป็นผู้โดยสารและตลกอ้วน Hardy เป็นคนขับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่บนเบาะหลัง ตัวรถสีเขียวทหาร มีดาวสีขาวบนฝากระโปรงและขอบข้างรถด้านหลังทั้งสองด้าน ฝากระโปรงเปิดได้ มีเครื่องยนต์ภายใน กระจกหน้าพับได้ ใต้ท้องมีรายละเอียดของช่วงล่าง ล้อยางถอดได้ รวมทั้งยางอะไหล่ด้านหลังและถังน้ำมัน ความยาวตัวรถ 10.7 ซม. กว้าง 4.9 ซม. สูง 5.4 ซม. (อัตราส่วน 1:32)





รถเหล็ก Jeep MB คันนี้ผลิตโดย Gateway Global Inc. สหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ GATE โดยโรงงานในจีน ปี 2001 โดยได้รับอนุญาตจาก Larry Harmon Pictures Corporation ซึ่งเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของ Laurel and Hardy และ Daimler Chrysler ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของ Jeep ตัวรถเหล็กบรรจุในกล่อง Window พร้อมฉากหลังและด้านหลังกล่องมีภาพการ์ตูนอ้วนผอมตอนที่มีภาพรถ Jeep MB ปรากฏอยู่ในภาพ ครับเป็นรถเหล็ก Jeep MB ที่มีขนาดเล็กน่ารัก มีรายละเอียดสวยงามถูกส่วนและยิ่งมีอ้วนผอมจอมตลกมานั่งให้เราอดอมยิ้มไมได้เมื่อนึกถึงภาพยนตร์ที่ทั้งคู่ร่วมกันแสดง

Friday, 2 May 2008

รถสังกะสีแบบเปลือยๆ

ผมขึ้นหัวข้อเรื่องแบบนี้ อย่านึกว่าจะมีใครมาเปลือยให้ดูนะครับ เพราะมันเป็นแค่รถสังกะสีรุ่นพิเศษของ Kovap ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถสังกะสีของสาธารณรัฐเชคโกสโลวาเกีย ได้ผลิตรถรุ่นนี้ขึ้นมาโดยตัวแทนจำหน่าย Kovap ในอังกฤษได้ขอร้องให้โรงงาน Kovap ในเช็คฯ ผลิตให้เป็นพิเศษ นอกเหนือจากข้อตกลงที่ทำไว้กับ Volkswagen เยอรมัน โดยทำเป็นสีโลหะเปลือย กรรมวิธีการทำสีโลหะเปลือยก็คือ ก่อนพ่นสีใส เคลือบทับเพื่อป้องกันสนิม ตัวรถจะถูกขัดด้วยการพ่นทราย (Sand Blasted) สีที่ได้จึงมีความแปลกใหม่และสวยงาม รถพวกนี้ผลิตจำนวนจำกัดนะครับ เนื่องจากเป็นการสั่งทำพิเศษ จึงไม่มีอยู่ในสารบบของโรงงาน กล่องจะเป็นชั้นเดียว (ปกติรถของ Kovap จะเป็น 2 ชั้น) ไม่มีบาร์โค้ดที่ฝากล่อง แต่มีใบรับรองการผลิตจำนวนจำกัด โดยตัวแทนจำหน่ายในอังกฤษคือ Barnsey Toy And Collectors Shop ผมเอามาให้ดู 3 คันครับ แต่ละคันผลิตแค่จำนวน 250 คันเท่านั้น


Kovap # VW Window Van in Bare Metal


Kovap # VW Bay Window Pick-Up Bare Metal


Kovap # VW Beetle Bare Metal


Thursday, 1 May 2008

เฟอร์รารี่


ผมไปอ่านเจอเรื่องราวของรถเฟอร์รารี่ในคอลัมน์ที่ 13 หนังสือพิมพ์ข่าวสด เห็นน่าสนใจดี เลยขออนุญาตนำมาฝากกันที่นี่ด้วย คอลัมน์นี้เขียนขึ้นช่วงที่ศุลกากรทุบรถเฟอร์รารี่นะครับ คงจะจำกันได้นะครับ
“เฟอร์รารี่” ได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งรถสปอร์ต ภายใต้สัญลักษณ์ม้าป่าผยอง เป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่นสาวไฮโซทั่วโลก นับถึงปัจจุบันมีอายุครบ 60 ปีพอดี จุดเด่นของเฟอร์รารี่ เป็นรถสปอร์ต 2 ประตู วางเครื่องด้านหลัง และต้องสีแดง

ชื่อยี่ห้อนี้มาจากนามสกุลของ “เอ็นโซ เฟอร์รารี่” (Enzo Ferrari) ชาวอิตาลี อดีตนักแข่งรถ และผู้จัดการทีมแข่งรถของ อัลฟ่าโรมิโอ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1929 ช่วงแรกมีจุดประสงค์ต้องการที่จะทำเป็นอู่รถ สำหรับแต่งรถเพื่อใช้ในการแข่งขันเท่านั้น

ปี ค.ศ.1940 เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผลิตรถคันแรกออกมาในชื่อ “Auto Avio Costruioni 815” แต่ยังไม่ได้ใช้ยี่ห้อ “เฟอร์รารี่” เพราะมีข้อตกลงกับต้นสังกัดคือ อัลฟ่าโรมิโอ ช่วงก่อร่างสร้างตัวนี่เองสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็อุบัติขึ้น โรงงานเฟอร์รารี่โดนระเบิดถล่มจนต้องปิดตัวไปโดยปริยาย

ปี ค.ศ.1946 ยอดรถสปอร์ตของโลกก็กลับมาเปิดตัวอีกครั้ง แต่เป็นอุตสาหกรรมกึ่งๆ ตรอบครัว ผลิตครั้งละ 5-10 คัน เพื่อหาทุนไปแข่งรถเท่านั้น อีก 1 ปีต่อมาถือเป็นตำนานหน้าแรกของเฟอร์รารี่ เมื่อผลิตรถรุ่นแรกภายใต้ยี่ห้อเฟอร์รารี่ออกมาในชื่อ “125S” แบบเปิดประทุน เครื่องยนต์เพียง 1500 ซีซี แต่ก็เพียงพอที่จะคว้าแชมป์รายการ “โรม กรังด์ปรีซ์”

“166 MM” คือโมเดลที่ 2 ของเฟอร์รารี่ ผลิตออกมาปี ค.ส.1948 และถูกจัดให้เป็นสุดยอดรถสปอร์ตคลาสสิครุ่นหนึ่งของโลก จากชัยชนะหลายสนามติดต่อกันทำให้เฟอร์รารี่ เป็นที่ต้องการของตลาด อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ทศวรรษแรก รูปทรงของเฟอร์รารี่ยังหลากหลายอยู่มาก จนปี ค.ศ.1968 รุ่น “365 GTB” รูปทรงจึงใกล้เคียงกับโฉมคลาสสิคที่เห็นกันจนชินตาในปัจจุบัน และรุ่นนี้ยังเป็นโมเดลแรกๆ ที่ใช้ไฟหน้าแบบเปิด-ปิดหรือ “POP UP” ด้วย

แต่รุ่นสุดยอดที่สุดที่นักเลงรถยกย่องคือ “F40” ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1987 เพื่อฉลองครบรอบ 40 เป็นรถคันแรกของโลกที่ทำความเร็วได้ถึง 200 ไมล์/ชั่วโมง F40 เป็นรถรุ่นสุดท้ายในยุคของเอ็นโซ เฟอร์รารี่ ด้วยปัจจุบันแม้จะมีอายุถึง 20 ปีแล้ว แต่ยังหากันในหลักราคา 14-15 ล้านบาท (ราคาในต่างประเทศ) แพงกว่าตอนผลิตออกมาใหม่ๆ ด้วยซ้ำ

โมเดลที่ได้รับความนิยมมากๆ ในขณะนี้คือรุ่น “F430” ผลิตออกมาเมื่อปี ค.ศ.2004 ส่วนรุ่นล่าสุดคือ “599GTB” ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง

แม้จะประสบความสำเร็จในเรื่องการผลิตสุดยอดรถสปอร์ต ที่ในโลกนี้ดูเหมือนจะมีเพียง ปอร์เช่ หรือ พอร์ช ของเฟอร์ดินาน ปอร์เช่ วิศวกรอัจฉริยะชาวเยอรมันเท่านั้น ที่พอจะเทียงเคียงบารมีได้ แต่สำหรับวงการธุรกิจแล้วตระกูลเฟอร์รารี่ ต้องผ่องถ่ายหุ้นในมือตัวเองให้กับบริษัทเฟียตไปถึง 50% เมื่อปี ค.ศ.1969 พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Ferrari S.p.A.” ปัจจุบันตระกูลเฟอร์รารี่ที่คุ้นกันในแวดวงไฮโซ ก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่วเมืองไทย เมื่อกรมศุลกากรใช้รถแบ๊กโฮแล่นทับเฟอณ์รารี่ GT456 ที่ถูกระบุว่าเป็นรถของ “แก๊งฟอกรถ” เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


Wednesday, 30 April 2008

รอมิวรุส รถชุดประวัติศาสตร์ Grand Prix


รถเหล็กที่ผมภูมิใจนำเสนอมากก็คือ รถ Matchbox Models of Yesteryear No. Y-14 1935 E.R.A. "R.1.B." รถเหล็กคันนี้เป็นรถชุดประวัติศาสตร์ Grand Prix โดยการรับรองของสถาบันการประมูลชั้นนำของโลก คือ "Christie's" รถเหล็ก 1935 E.R.A. "R.1.B." เป็นหนึ่งในรถชุดนี้ อีกคันหนึ่งในรถชุดนี้เท่าที่เห็นคือ Bugati Type 5 สีฟ้า





E.R.A. เป็นรถที่มีชื่อเสียงมากของ English Racing Automobiles เรียกเล่นๆ ว่า "รอมิวรุส" ซึ่งขับโดย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช (2457-2523) หรือที่เราคุ้นเคยกันดีคือ พ.พีระ ได้ชนะการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ระหว่างชาติทั่วทวีปยุโรป 3 ปีซ้อน




รอมิวรุส (1935 E.R.A.) ที่เป็นรถเหล็กคันนี้มีความยาว 10.3 ซม. กว้าง 4.4 ซม. สูง 3.3 ซม. ตัวรถสีฟ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถแข่งของ พ.พีระ (ซึ่งสาวๆ ในยุคนั้นพากันคลั่งไคล้สีฟ้านี้เป็นอย่างมาก และเรียกสีนี้ว่า สีฟ้า พ.พีระ) โครงรถโลหะสีเหลืองที่สำคัญมีสัญญลักษณ์ธงไตรรงค์ที่ด้านหลังรถทั้งสองข้าง ด้านหน้าขวามือ และด้านซ้ายเป็นธงชาติอังกฤษ ผลิตในมาเก๊า (ยุคโปรตุเกส) ปี 1986 หลังจากพระองค์พีระสิ้นพระชนม์ 1 ปี รถเหล็กคันนี้น่าสะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นรถเหล็กประวัติศาสตร์เพียงแบบเดียวที่มีเจ้าชายไทยเป็นผู้ขับ และมีธงไตรรงค์ประทับบนตัวรถ

Tuesday, 29 April 2008

รถสวย เท่ ที่ชื่อ Cord




เอารถเหล็กสวยๆ มาฝากอีกแล้วครับ รถเหล็กคันนี้เป็น Matchbox Models of Yesteryear Y-18 ชื่อว่า 1937 Cord ผลิตในประเทศอังกฤษ ปี 1978 ความยาว 12 ซม. เห็นรูปร่างรถแล้วจะเห็นว่าสวยดีนะครับ สีแดง อุปกรณ์ครบ ใต้ท้องโลหะ ล้อยางเปลี่ยนได้ ประทุนหลังคาสีขาวยกออกได้ ตัวรถจริงเป็นรถล้ำยุคคันหนึ่งในสมัยทศวรรษ 1930 เช่นมีไฟหน้าที่พับเก็บได้ ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเครื่อง ซุปเปอร์ชาร์ท 120 แรงม้า น่าเสียดายที่บริษัทนี้ไม่ประสบความสำเร็จในการขาย และล้มละลาย โดยได้ผลิตรถรุ่นนี้เพียงรุ่นเดียวด้วยจำนวนไม่มากนัก รวมทั้งตัวโมเดลตัวนี้ด้วยครับ เห็นแล้วอยากมีสักคันไว้ขับชมวิวอวดสาวๆ นะครับ

Saturday, 26 April 2008

Mod Rod ความเหมือนในความต่าง


เห็นรูปที่ผมเอามาให้ดูไหมครับ เอามาจากพิพิธภัณฑ์ Matchbox Road Museum เมือง Newfield รัฐนิวเจอร์ซี่ย์ เป็นรถเหล็ก Matchbox Superfast No.2 Mod Rod ผลิตในประเทศอังกฤษ ปี 1971 เป็นรถรุ่นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกัน ที่ไหนบ้างรู้ไหมครับ ก็ตรงสติกเกอร์ที่ติดหน้ารถ สีล้อ สีเครื่องยนต์ เขาว่ากันว่ารุ่นนี้มีความแตกต่างกันถึง 25 แบบ ใครที่มีรถรุ่นนี้อยู่ใน collection จะหาให้ครบทุกแบบก็เป็นเรื่องน่าสนุก และท้าทายดีใช่ไหมครับ เอารถเหล็ก Mod Rod มาให้ดูด้วยครับ



Thursday, 24 April 2008

Daktari Land Rover อีกหนึ่งรถในภาพยนตร์

รถเหล็กที่ผลิตจากภาพยนตร์มีอยู่หลายคันนะครับ ไม่ว่าจะเรื่อง เจมส์บอนด์ 007, Batman, Superman หรือจากการ์ตูนดิสนีย์ และที่ผมเอามาให้ดูก็เป็นรถเหล็กจากหนังเก่าเรื่องหนึ่งคือเรื่อง Daktari เป็นรถเหล็ก Corgi Classic No.07104 Daktari Land Rover & Figures รถเหล็กแลนด์โรเวอร์จากภาพยนตร์ TV ชุด "Daktari" ผลิตโดย Corgi Classic Ltd. Great Britain ในจีน ปี 1998 ความยาว 9.8 ซม.



"Daktari" (ภาษาสวาฮิลี แปลว่า "หมอ") เป็นเรื่องราวของสัตวแพทย์ที่มาศึกษาพฤติกรรมและช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ ในแอฟริกาตะวันตก เป็นภาพยนตร์ชุดฉายทาง TV, CSB ในช่วงปี 1966-1969 มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ดนตรีประกอบ "Daktari" ที่แต่งโดย Shelly Manne ใช้เครื่องดนตรีไทย เช่น โปงลาง อังกะลุง รถเหล็ก Land Rover ในหนังเรื่องนี้เป็นกระบะช่วงยาว Land Rover Series I สีเขียว ลายดำม้าลาย กระจกใส ภายในสีน้ำตาล ใต้ท้องโลหะสีดำ ล้อยางถอดได้ ดุมล้อสีเงิน มีหุ่นสิงโตชื่อ Clarenc สูง 3.2 ซม. และลิงชิมแปนซีชื่อ Judy สูง 2.3 ซม. หล่อด้วยโลหะ ลงสีด้วยมือแถมมาให้ด้วย บรรจุในกล่องพิมพ์ภาพและเรื่องราว 4 สีสภาพเดิมเหมือนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว