วันนี้จะพาคุณไปเที่ยวชมจังหวัดตรังกันครับ เปล่าครับ เรายังไม่ได้เปลี่ยน Blog รถเหล็กของเราเป็นเรื่องการท่องเที่ยวหรอกนะครับ การเที่ยวชมครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะพวกเราชาวรถเหล็กจะได้เพลิดเพลิน การเที่ยวชมเมืองตรังไปบน “ตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ” พาหนะที่มีประวัติความเป็นมายาวนานคู่กับเมืองตรัง มาจนทุกวันนี้ และจะได้รู้ว่า “เจ้าตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ” คันนี้ เกี่ยวข้องกับรถเหล็กที่เราสะสมกันอย่างไร พร้อมแล้ว กระโดดขึ้นมาบนรถเลยครับ เราจะออกรถกันเดี๋ยวนี้เลย ตุ๊ก ตุ๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสน่ห์อย่างหนึ่งในตัวเมืองตรัง นอกจากตึกรามบ้านช่องโบราณ สถาปัตยกรรมแบบ “ชิโนโปรตุกิส” ที่สร้างขึ้นกว่า 100 ปีที่ผ่านมาแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองตรัง มามากกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว นั่นก็คือ “รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ” นี่เองครับ
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2502 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมืองไทยเริ่มนำเข้ารถตุ๊กตุ๊กหัวกบจากญี่ปุ่นมาใช้เป็นครั้งแรก เจ้ารถตุ๊ก ตุ๊กหัวกบ ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นคันนี้ก็คือ รถ Daihatsu Midget นั่นเองครับ
Daihatsu Midget เริ่มผลิตในปี 1957 และหยุดการผลิตในปี 1972 ในรุ่นแรกๆ ที่ผลิตออกมา (รุ่น DKA, DS2) ระบบบังคับเลี้ยวใช้แบบก้านจับแบบรถมอเตอร์ไซด์ รุ่นต่อมา (MP4-5) ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบพวงมาลัย แบบเดียวกับรถสี่ล้อ รุ่น MP4 และ MP5 เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบสองจังหวะ 305 cc. ระบายความร้อนด้วยอากาศ มีกำลัง 12 แรงม้า มี 3 เกียร์ น้ำหนักบรรทุกประมาณ 350 Kg.
รถตุ๊ก ตุ๊ก หรือ Daihatsu Midget รุ่นแรกๆ เช่น DKA หรือ DS2 ได้นำมาใช้ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 2502 และได้มีการดัดแปลงเรื่อยมาจนกระทั่งมีการผลิตเองในเมืองไทยได้เกือบทั้งคัน รูปร่างก็ยังคงมีลักษณะใกล้เคียงกับ Daihatsu Midget รุ่น DKA ที่ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบแฮนด์จักรยานยนต์และใช้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนรถตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบที่นำมาใช้ในจังหวัดตรังตั้งแต่ปี 2509 นั้นเป็นรุ่นต่อมาของ Daihatsu Midget คือ รุ่น MP4 และ MP5 ที่ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบพวงมาลัย และห้องคนขับมีประตูปิด-เปิด ผู้โดยสารสามารถนั่งคู่กับคนขับได้ครับ
ตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นรุ่นแรกที่นำเข้ามาใช้งานในจังหวัดตรังคือ รุ่น MP4 มีจำนวนไม่มากนัก นับเป็นรุ่นหายาก ต่อมาคือรุ่น MP5 ซึ่งมีจำนวนมากและใช้กันมาถึงปัจจุบัน ส่วนแตกต่างระหว่าง MP4 และ MP5 ซึ่งเป็นรุ่น Minor Change ที่สังเกตได้ง่ายๆ คือ ช่องระบายอากาศที่อยู่ใต้ไฟหน้าของ MP5 จะมีขนาดใหญ่กว่า MP4 รถทั้ง 2 รุ่นนี้ยังคงมีการอนุรักษ์และใช้งานโดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายนอกของ Daihatsu Midget รุ่น MP4 และ 5 เลยครับ
ประวัติรถตุ๊กตุ๊กหัวกบรุ่นดั้งเดิม ถูกส่งลงเรือจากญี่ปุ่น แล้วมาต่อรถไฟเข้าไปยังเมืองตรัง ลักษณะตัวรถจะเป็นกระบะสามล้อขนาดเล็ก ไม่มีหลังคาครอบด้านหลัง ต่อมาช่างไทยได้ปรับแต่งเพิ่มเติมหลังคาเข้าไป เพื่อกันร้อนกันฝนให้ผู้โดยสาร หลายๆ คนคงสงสัยกันนะครับ ว่าทำไมคนเมืองตรังต้องใช้รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ นั่นก็เป็นเพราะลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ในเขตจังหวัดตรัง ส่วนใหญ่จะเป็นลอนลูกฟูก หรือที่คนพื้นถิ่นเรียกว่า “ควน” ซึ่งแปลว่าเนินครับ การใช้รถสามล้อเครื่องทุ่นแรง จึงมีความเหมาะสมและสะดวก สามารถซอกซอนไปตามซอกซอยคับแคบได้ง่าย ปัจจุบันในตัวเมืองตรัง ยังเหลือรถตุ๊กตุ๊กหัวกบให้เห็นได้กว่า 300 คัน และมีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นชมรมสามล้อเครื่อง เพื่ออนุรักษ์รถตุ๊กตุ๊กหน้าตาน่ารักแบบนี้ให้อยู่คู่เมืองตรังต่อไป จึงไม่น่าแปลกใจเลยครับ ถ้าจะเห็นนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเมืองตรังส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มักจะไม่พลาดโปรแกรมนั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบเที่ยวชมเมือง ราคาค่าโดยสารจะเริ่มต้นที่ 15 บาท แล้วแต่ระยะทาง หรืออาจจะเหมาเป็นวันก็ได้ครับ นั่งรถเที่ยวชมเมืองตรังกันจนเหนื่อยแล้ว กลับมาที่พักผมจะมีสิ่งที่พวกเราชื่นชอบมาให้ชมกันครับ มันจะเป็นสิ่งใดไปไม่ได้ นอกจากรถเหล็กนั่นเอง และแน่นอนครับต้องเป็น ตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ เท่านั้น